รู้จักกับ Virtual Influencer มาเพื่อแย่งงานคนเป็นอินฟลูเอนเซอร์จริงหรอ?

รู้จักกับ Virtual Influencer มาเพื่อแย่งงานคนเป็นอินฟลูเอนเซอร์จริงหรอ?
08/11/21   |   11.9k   |  

 

 

JobThai Mobile Application สมัครงานง่าย ได้งานเร็ว

iOS

Android

Huawei AppGallery

 

หลายคนรู้ดีว่า Influencer หรือผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียลมีเดีย เป็นอาชีพยอดฮิตที่ได้เงินจากการสร้างคอนเทนต์ออนไลน์หรือรีวิวสินค้าของแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Influencer เหล่านี้ก็ถือเป็นส่วนสำคัญในการทำการตลาดด้วย แต่เมื่อไม่นานมานี้ก็ได้มี “Virtual Influencer”  หรือ ”อินฟลูเอ็นเซอร์เสมือน” เกิดขึ้นและได้รับความนิยมบนโลกโซเชียลมีเดีย ซึ่งบางคนดังถึงขั้นมียอดคนติดตามหลักล้าน หลายคนจึงเกิดคำถามว่า Influencer เสมือนเหล่านี้จะมาแย่งงาน Influencer ที่เป็นคนจริง ๆ ได้ไหม แล้วอนาคตของ Virtual Influencer จะเป็นยังไงต่อไป วันนี้ JobThai เลยได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาฝาก

 

Virtual Influencer คืออะไร? ทำงานยังไง?

Virtual Influencer (อาจจะเรียกว่า AI Influencer หรือ CGI Influencer ก็ได้) คือการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกสร้างคาแร็กเตอร์ Influencer ขึ้นมาให้มีความเหมือนมนุษย์มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา ไลฟ์สไตล์ ซึ่งบริษัทผู้พัฒนา Virtual Influencer ต้องอาศัยข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับรูปลักษณ์ และโครงสร้างของมนุษย์ เพื่อสร้าง Virtual Influencer ที่ดึงดูดคน ทำให้ Virtual Influencer ของพวกเขาเป็นผู้มีอิทธิพลในโลกโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น Instagram, TikTok หรือ YouTube

 

โดยเบื้องหลังการสร้าง Virtual Influencer ให้เติบโตบนโลกโซเชียลมีเดีย และได้ทำงานกับแบรนด์ต่าง ๆ นั้น ต้องมีคนทำงานเบื้องหลังหลายทีม ไม่ว่าจะเป็นทีมด้านคอมพิวเตอร์ที่คอยดูแล ปรับแต่ง Virtual Influencer ให้ออกมามีหน้าตาบุคลิก ลักษณะ เสมือนมนุษย์จริง ๆ มีครีเอเตอร์ที่เป็นผู้กำหนดคาแร็กเตอร์ ลุคการแต่งตัว ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เช่น จัดฉากให้พวกเขาไปเที่ยว ไปสังสรรค์กับเพื่อน ไปเดต หรือไปทำงานร่วมกับ Influencer คนอื่นบนโลกออนไลน์

 

ไอเดียการสร้างมนุษย์เสมือนไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีมาสักพักแล้ว

หลายคนอาจจะคิดว่าไอเดียการสร้างมนุษย์เสมือนนั้นเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ แต่ความเป็นจริงมันมีมาหลายปีแล้ว ย้อนไปในปี 2002 มีหนังเรื่องนึงที่ชื่อว่า “SIMONE” หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้กำกับคนนึงที่สร้างนักแสดงเสมือนชื่อ “ซีโมน” เขาสร้างซีโมนขึ้นเพื่อมาแสดงหนังของเขาโดยไม่บอกให้ใครรู้ว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ หนังสนุกตรงที่ว่าเมื่อซีโมนดังเป็นซุปเปอร์สตาร์ เขาต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเก็บความลับนี้เอาไว้ โดยหนังเรื่องนี้ทำรายได้ไปมากถึง 19.6 ล้านเหรียญทั่วโลก เรียกได้ว่าเป็นแรงบันดาลใจนึงที่สามารถสร้างให้ Virtual Influencer ถือกำเนิดขึ้นก็ว่าได้

 

นอกจากนั้นก่อนหน้านี้เราก็มีเทคโนโลยีที่เรียกว่า Virtual Youtuber หรือ Vtuber เป็นการไลฟ์สตรีมหรือการทำวิดีโอคอนเทนต์โดยการสร้างตัวละครในรูปแบบการ์ตูนอนิเมชั่น แล้วกำหนดสีหน้า การเคลื่อนไหวให้ตัวละครทำตามที่เราทำ ทำให้มีหลายคนสร้างวีดีโอคอนเทนต์ให้มนุษย์พูดคุยหรือมีปฎิสัมพันธ์กับตัวการ์ตูนอนิเมชั่นจนเป็นที่ฮือฮาอยู่ช่วงนึง

 

รวมถึงเทคโนโลยี CGI (Computer-Generated Imagery) ในภาพยนตร์ที่พัฒนามาเรื่อย ๆ ยกตัวอย่างเช่น หนังที่เคยเป็นกระแสดังอย่าง Furious 7 ที่ได้ใช้เทคนิค CGI ชุบชีวิต พอล วอล์คเกอร์ นักแสดงที่เสียชีวิตไปแล้วให้กลับมาแสดงได้ในหนังภาคต่อ โดยเขาใช้นักแสดงที่มีรูปร่างและลักษณะคล้าย พอล วอล์คเกอร์ มาแสดงแทน แล้วนำท่าทางและการขยับตัวของเขาไปทำ CGI ในส่วนของใบหน้าของ พอล วอล์คเกอร์

 

Influencer ที่ไม่ใช่มนุษย์คนแรก มีชื่อว่า “Lil Miquela”

Virtual Influencer คนแรกของโลกเกิดขึ้นในปี 2016 โดยบริษัท Brud ในประเทศสหรัฐอเมริกา เธอมีชื่อว่า Lil Miquela เป็นสาวสัญชาติ Brazilian-American อายุ 19 ปี มาด้วยลุคหน้าเก๋ มีกระ และทรงผมทรงหน้าม้าเต่อ เป็นทั้งนางแบบ นักร้อง และ Influencer ได้ร่วมงานกับเเบรนด์ดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Prada, Chanel, Supreme, Calvin Klein, Samsung เคยติดอันดับผู้ทรงอิทธิพลในอินเตอร์เน็ตของนิตยสาร Time และเคยออก Single เพลงของตัวเองด้วย และปัจจุบันเธอมียอดติดตามในอินสตาแกรมมากถึงสามล้านคนเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งที่ทำให้เธอดูมีชีวิตเหมือนมนุษย์มากที่สุดคือการออกมาเเสดงจุดยืนทางการเมือง อย่างเรื่อง Black Lives Matter, LGBTQ+

 

Lil Miquela เคยมีข่าวถูก Hack อินสตาแกรมโดย Virtual Influencer ที่ชื่อว่า Bermuda สาวผิวขาว ผมบลอนด์ ที่แสดงจุดยืนว่าซัพพอร์ตโดนัลด์ ทรัมป์ โดย Bermuda ขู่ว่าถ้า Lil Miquela ไม่ยอมบอกความจริงว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์ เธอจะไม่คืนอินสตาแกรมให้ ซึ่งข่าวนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นคอนเทนต์ที่ทีมงานเบื้องหลังสร้างเรื่องออกมาได้ดราม่าสมจริงราวกับชีวิตมนุษย์เลยก็ว่าได้

 

รู้จักกับ Virtual Influencer มาเพื่อแย่งงานคนเป็นอินฟลูเอนเซอร์จริงหรอ?รู้จักกับ Virtual Influencer มาเพื่อแย่งงานคนเป็นอินฟลูเอนเซอร์จริงหรอ?

                        ภาพจาก : IG : lilmiquela                                              ภาพจาก : IG : bermudaisbae

 

Virtual Influencer ที่เป็นกระเเสดังฝั่งเอเชีย

ในฝั่งเอเชียก็ไม่น้อยหน้า Virtual Influencer โดยที่เป็นกระแสดังก็คือ Rozy ซึ่งเป็น Virtual Influencer สัญชาติเกาหลีใต้คนแรก สร้างขึ้นในปี 2020 โดย Sidus Studio X ซึ่งจุดเด่นของ Rozy คือความสวยในยุคของคนรุ่นมิลเลนเนียลส์และเจน Z เป็นความสวยที่ฉีกกฎ Beauty Standard ของคนเกาหลีใต้ คือจะมีความหมวย ๆ ชิค ๆ ซึ่งเมื่อเธอเริ่มปรากฏตัวบนโลกออนไลน์ในเดือนธันวาคมปี 2020 ก็ได้รับได้รับความสนใจอย่างมากจากโฆษณาต่าง ๆ ทำให้ไม่ถึงปีเธอมีสปอนเซอร์ติดต่อมามากกว่า 100 รายการ ซึ่งบริษัทได้กล่าวว่าพวกเขาได้บรรลุผลกำไรตามเป้าหมายแล้วในเวลาไม่ถึงปี นอกจากนั้นก็ยังมี Virtual Influencer ที่เพิ่งเปิดตัวในฝั่งจีนอย่าง Ayayi ที่สร้างโดย Ranmai Technology ซึ่งจุดเด่นของ Ayayi คือความเป็นแฟชั่นนิสต้าสาวที่มาในลุคเป๊ะปัง เหมือนคนจนแทบแยกไม่ออก และเธอมีผู้ตามใน Weibo มากถึง 510K คน

 

 รู้จักกับ Virtual Influencer มาเพื่อแย่งงานคนเป็นอินฟลูเอนเซอร์จริงหรอ?รู้จักกับ Virtual Influencer มาเพื่อแย่งงานคนเป็นอินฟลูเอนเซอร์จริงหรอ? 
                               ภาพจาก : IG : rozy.gram                                               ภาพจาก : IG : ayayi.iiiii
           

การเข้ามามีบทบาทกับแบรนด์ ของ Virtual Influencer

ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ติดต่อสื่อสารกันในโซเชียลมีเดีย จึงทำให้ Virtual Influencer เข้ามามีบทบาทสำคัญในการโปรโมตสินค้าของแบรนด์ ซึ่งทำได้ง่ายเพราะทุกอย่างทำในคอมพิวเตอร์ ไม่ต้องออกไปถ่ายงานข้างนอก ประหยัดขึ้นถ้าเทียบกับการจ้างงาน Influencer ที่เป็นมนุษย์ รวมถึงใช้งานได้ในระยะยาว

 

โดย Virtual Influencer นั้นสามารถเป็นพรีเซนเตอร์ ถ่ายแบบโฆษณา ถ่ายมิวสิควิดีโอ รีวิวสินค้า รวมถึงสามารถร่วมงานกับเซเลบดัง ๆ ได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น บริษัทประกันภัย Shinhan Life ที่เพิ่งเปิดตัวในเกาหลีใต้ เขาได้ดึง Virtual Influencer คนแรกของเกาหลีใต้ที่ชื่อ Rozy มาร่วมแคมเปญที่มีชื่อว่า Shinhan Life Adds Surprises to Life โดยวัตถุประสงค์หลักในการสร้างคือการเข้าถึงกลุ่ม Millennials และ Gen Z ให้เริ่มสนใจเรื่องการลงทุนทางการเงิน โดยโฆษณานี้มี Rozy ออกมาเต้นประกอบเพลงในฉากที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ  ด้วยดนตรีและท่าเต้นที่คัดสรรมาจากเพลงยอดนิยม และท่าเต้นบนแอปฯ โซเชียลมีเดีย โฆษณาได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มียอดวิวมากถึง 9.7 ล้านครั้งภายในเวลาไม่ถึง 5 เดือน เรียกได้ว่า Virtual Influencer อาจจะเป็นช่องทางใหม่ที่น่าสนใจสำหรับแบรนด์ในการโปรโมตสินค้าของตัวเองในยุคที่ COVID-19 ทำให้เราจำเป็นต้องติดต่อสื่อสารกันบนโลกออนไลน์มากขึ้น

 

สำหรับไทยเองก็เพิ่งเปิดตัว Virtual Influencer คนแรกในประเทศนั่นก็คือ Ailynn หรือ ไอ-ไอรีน โดย SIA Bangkok ไอรีนเป็นสาวผมบ๊อบในวัย 21 ปี มีอาชีพเป็นครีเอทีฟ ฟรีแลนซ์ และ Influencer มีความสามารถพิเศษคือ เล่นดนตรี เต้น และถ่ายภาพ ซึ่งล่าสุด ไอรีน ก็ได้รับเลือกจาก AIS ให้มาเป็น Brand Ambassador เพื่อร่วมพัฒนา Metaverse Human สร้าง Engagement ในการสื่อสาร และสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าในยุค New Normal

 

รู้จักกับ Virtual Influencer มาเพื่อแย่งงานคนเป็นอินฟลูเอนเซอร์จริงหรอ?

         ภาพจาก : IG : ai_ailynn   

 

Virtual Influencer มีดีกว่า Influencer ที่เป็นมนุษย์ตรงไหน?

  • Virtual Influencer ทำจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์จึงสามารถสั่งได้ดังใจ สามารถสร้างหน้าตาบุคลิก ลักษณะ ไลฟ์สไตล์แบบที่ต้องการได้เอง
  • Influencer บางคนทั้งคิดคอนเทนต์ และถ่ายทำเองคนเดียว หรือถ้ามีทีมงานก็จำนวนไม่เยอะ แต่สำหรับ Virtual Influencer จะมีหลายทีมช่วยดูแล ไม่ว่าจะเป็นทีมด้านคอมพิวเตอร์ ทีมครีเอทีฟดูไลฟ์สไตล์ หรือทีมสไตล์ลิสด้านแฟชั่น ทำให้ลดระยะเวลาการทำงานไปได้มาก
  • เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 คนออกจากบ้านไม่ได้ แต่ Virtual Influencer สามารถถูกตัดต่อให้ไปเที่ยว และไปร่วมงานกับ Virtual Influencer คนอื่น หรือดาราที่เป็นคนจริง ๆ ได้โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทาง
  • เมื่อเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์จึงไม่ที่จะมีอดีตอื้อฉาว หรือมีโอกาสที่จะเกิดประเด็นเสียหายที่ส่งผลต่อแบรนด์ได้
  • สามารถทำงานได้ตลอดเวลา ไม่เจ็บ ไม่ป่วย รวมถึงไม่ต้องกังวลว่าจะเบี้ยวงานหรือมาสาย
  • ในระยะยาว Virtual Influencer อาจมีราคาถูกกว่าในแง่ของต้นทุน เมื่อเทียบกับการทำงานร่วมกับมนุษย์จริง ๆ
  • Virtual Influencer สามารถปรากฏตัวในงานต่าง ๆ พร้อมกันได้ในเวลาเดียว
  • ปกติแล้วหาก Influencer ที่เป็นคนทำอะไรผิดพลาดในการถ่ายทำงาน ก็จะต้องเสียเวลากลับไปถ่ายแก้ใหม่ ซึ่งอาจจะทำให้งานทุกอย่างล่าช้าลง แต่สำหรับ Virtual Influencer เราสามารถลบและแก้ไขความผิดพลาดทุกอย่างได้ในคอมพิวเตอร์เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

 

”อินฟลูเอนเซอร์เสมือน” ยังทำงานแทนที่ “มนุษย์” ไม่ได้ในทุกมิติ

ในปัจจุบัน Virtual Influencer ยังไม่ได้บูมมากถึงขนาดที่ว่าคนดังจะพากันตกงาน เพราะยังมีผู้บริโภคหลายคนที่คิดว่าทำไมต้องติดตามคอมพิวเตอร์กราฟิกที่ไม่ใช่มนุษย์จริง ๆ พวกเขาคิดว่าถ้าคนที่ตัวเองชอบ หรือติดตามไลฟ์สไตล์ไม่สามารถเจอตัวได้ในโลกแห่งความเป็นจริง แล้วจะติดตามไปเพื่ออะไร? ถึงคอมพิวเตอร์จะเนรมิตรให้ภาพของ Virtual Influencer เหมือนคนจริง ๆ ชนิดเห็นตัวเองสะท้อนในกระจก หรือมีเงาต้นไม้สะท้อนลงมากระทบผิว แต่ก็ยังเทียบกับความหลากหลายและความเรียลของมนุษย์จริง ๆ ไม่ได้ รวมถึง Virtual Influencer ยังมีข้อจำกัดในการรีวิวสินค้าในหมวดหมู่ที่ต้องใช้จริงแล้วเห็นผล เช่น สกินแคร์ หรือเครื่องสำอางต่าง ๆ ซึ่งถ้าเทียบกับการรีวิวของมนุษย์จริง ๆ แล้ว ผู้บริโภคจะรู้สึกว่ามนุษย์น่าเชื่อถือกว่า โน้มน้าวใจได้มากกว่า เพราะรู้สึกว่ามนุษย์ใช้สินค้าจริงและเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริง ๆ

 

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น Influencer ที่เป็นมนุษย์ก็ไม่ควรชะล่าใจและคิดว่ายังไง Virtual Influencer ก็ไม่สามารถมาแทนที่ตัวเองได้ เพราะสิ่งที่ Virtual Influencer กำลังพยายามทำอยู่คือการสร้างตัวละครออกมาให้เรียลเหมือนมนุษย์มากที่สุด และต้องการฉีกกฎ Beauty Standard โดยสังเกตได้จากตัวบุกคเบิกอย่าง Lil Miquela ที่หน้าตาธรรมดาไม่ได้สวยเพอร์เฟค หรือ Rozy ที่มีใบหน้าหมวย ๆ ไม่ได้สวยเป๊ะตามแบบฉบับเกาหลี ดังนั้นการที่เราจะเป็น Influencer ที่ดีได้โดยไม่เเพ้คอมพิวเตอร์กราฟิกพวกนี้ เราต้องรักษาความเป็นตัวของตัวเองให้มีความโดดเด่น แตกต่าง รวมถึงกล้าที่จะมีจุดยืนเป็นของตัวเองด้วย

 

6 วิธีการทำงานเพื่อเปลี่ยนโลกแบบ Elon Musk

 

ตลาดของ Virtual Influencer จะเป็นยังไงต่อไปในอนาคต?

อย่างที่รู้ว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวไปไกลมาก รวมถึงสถานการณ์ COVID-19 เองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเราไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตและเจอกันในโซเชียลมีเดียมากขึ้นไปอีก ตลาดของ Virtual Influencer จึงเติบโตขึ้น และมีอิทธิพลมากในช่องทางหลัก ๆ อย่าง Instagram, YouTube หรือ TikTok รวมถึงมีแบรนด์มากมายที่อยากร่วมงานกับพวกเขาเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ตัวเอง

 

นอกจากนั้นอย่าลืมว่า Virtual Influencer ที่ดัง ๆ ทั้งหมดถูกสร้างและควบคุมโดยบริษัทที่ทำงานด้าน AI และ CGI และเมื่อ Virtual Influencer ไม่แก่ ไม่ป่วย ไม่ตาย จึงทำให้มันพัฒนาต่อไปได้เรื่อย ๆ ในอนาคต และเป็นไปได้สูงที่ในอนาคตแบรนด์ดัง ๆ อาจจะอยากสร้าง Virtual Influencer ที่เป็นของตัวเองเพื่อมาเป็นนางแบบ หรือพรีเซนแบรนด์ตัวเอง ซึ่งถ้าแต่ละแบรนด์มี Virtual Influencer ของตัวเอง ก็อาจจะมีการเอา Virtual Influencer ของแต่ละแบรนด์มาทำงานร่วมกันก็ได้ในอนาคต หรือลองคิดเล่น ๆ ว่า เมื่อต่อไปคนดังที่เป็นมนุษย์ต้องแก่ลง มีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่ถ้าพวกเขามี CGI เป็นของตัวเองตอนที่ยังสวยหล่อ พวกเขาก็ยังสามารถใช้มันทำงานเบื้องหน้าได้อีก แม้ตัวเองจะแก่แล้วก็ตาม

 

ถึงแม้ Virtual Influencer จะยังไม่สามารถแทนที่มนุษย์ได้ แต่มันก็เป็นการทำการตลาดที่สามารถเติบโตและมีศักยภาพมากได้ในอนาคต

 

เมื่อโลกการทำงานเปลี่ยนไป คนทำงานควรปรับตัวยังไงให้ทัน

 

โลก Metaverce อาจทำให้มนุษย์มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป และมีโอกาสได้เจอ Virtual Influencer ตัวเป็น ๆ

ถ้าอนาคตเราได้ใช้ชีวิตในโลกเสมือน หรือที่เราเรียกว่า Metaverce คล้ายกับเรื่อง Ready Player One ที่คนสามารถเข้าไปอยู่ในเกมได้แค่สวมแว่น VR ก็เป็นไปได้ที่เราจะได้เจอ Virtual Influencer ซึ่งหลายคนอาจจะยังมองว่าเรื่องนี้ไกลตัวมาก แต่ความจริงแล้วมีหลายบริษัทดังกำลังซุ่มทำโลก Metaverce อยู่ และหนึ่งในนั้นคือเจ้าของ Facebook อย่าง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ที่ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Facebook เป็น Meta พร้อมการรีแบรนด์ใหม่หมด ซึ่งสาเหตุที่เปลี่ยนชื่อเพราะเขาอยากให้ Facebook เป็นมากกว่าโซเชียลมีเดีย อยากมุ่งสู่การสร้างโลกเสมือนอย่าง Metaverse หรือเรียกง่าย ๆ คือสามารถวาร์ปตัวเองไปยังที่ต่าง ๆ เพื่อเจอกับเพื่อนในโลก Metaverse ได้ ซึ่งโปรเจกต์นี้อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาในชื่อว่า Horizon Home

 

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ยังได้วางแผนพัฒนาเทคโนโลยี VR (Virtual Reality) หรือการจำลองภาพเสมือนจริงแบบ 360 องศา ด้วยแว่นตา VR ที่สามารถรับรู้ผ่านการมองเห็น เสียง การสัมผัส กลิ่น และสามารถตอบสนองกับสิ่งจำลองนั้นได้ รวมถึงเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) หรือเทคโนโลยีที่มาผสานโลกแห่งความจริงและความเสมือนเข้าด้วยกันด้วยระบบซอฟต์แวร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อต่าง ๆ เพื่อมารองรับในโลก Metaverse อีกด้วย

 

นอกจากนั้นโลกของการทำงานในอนาคตเองก็อาจจะเปลี่ยนไปอีก เพราะในปัจจุบันสังเกตได้ว่าในช่วง Work from Home มีบริษัทดิจิทัลหลายเจ้าแข่งกันสร้างโซเชียลเน็ตเวิร์กรูปแบบใหม่ที่สามารถสร้างตัวละครเป็นตัวแทนเราเข้าไปอยู่ในออฟฟิศ สร้างโต๊ะทำงานส่วนตัว ชวนเพื่อน ๆ มานั่งคุย เล่นเกม และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมายร่วมกันได้ ซึ่งถึงจะไม่ได้เหมือนขนาดเข้าไปนั่งในออฟฟิศจริง ๆ ทุกมิติ แต่ในอนาคตเราอาจจะแค่สวมแว่น VR แล้วเสมือนตัวเองเข้าไปทำงานในออฟฟิศจริง ๆ ทั้งที่ยังนั่งอยู่บ้านเลยก็ได้

ในปัจจุบัน Virtual Influencer อาจจะไม่ได้รับความนิยมถึงขนาดเทียบเท่า Influencer ที่เป็นมนุษย์ แต่ถ้าอนาคตบริษัทดิจิทัลสามารถพัฒนาอินฟลูเอนเซอร์เสมือนเหล่านี้ให้มีความโดดเด่น แตกต่าง สามารถถ่ายทอดความคิด ไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจจนซื้อใจมนุษย์ได้ ก็เป็นไปได้ว่า Virtual Influencer จะเติบโตขึ้นไปอีก รวมถึงถ้าโลก Metaverce สามารถเข้าถึงคนได้ในวงกว้างมากขึ้น ก็ไม่แน่ว่า Virtual Influencer อาจจะเข้ามามีบทบาทสำคัญที่นักการตลาดขาดไม่ได้เลยก็เป็นได้

 

ฝากประวัติเพื่อหางานที่ใช่ได้ ที่นี่

 

 
JobThai Official Group
Public group · 200,000 members
Join Group
 

 

ที่มา :

youtube.comyoutube.comspringnews.co.ththatsmags.comthematter.co

thecut.comharpersbazaar.comblog.beatly.comcityspidey.comsalika.co

marketingoops.comworkpointtoday.comgqthailand.comhmong.in.th

workpointtoday.commarketingoops.comnsm.or.ththestandard.co

 

tags : jobthai, jobs, คนทำงาน, virtual influencer, ai influencer, cgi influencer, metaverse, อินฟลูเอนเซอร์, งาน, หางาน, influencer



ติดตามข่าวสารและเรื่องราวดีๆ ทาง Email

ขอบคุณสำหรับการติดตาม